เดินทางต้องมีเข็มทิศ ชีวิตต้องมีเป้าหมาย

Last updated: 18 ต.ค. 2565  |  379 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เดินทางต้องมีเข็มทิศ ชีวิตต้องมีเป้าหมาย

แน่นอนครับทุกคนที่เข้ามาสู่ธุรกิจมีความฝันมีความต้องการ อาจจะเป็นทางด้านรายได้ หรือการพัฒนาตนเอง หรือต้องการมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจดู แต่เมื่อมีเป้าหมายก็เหมือนกับตอนนี้เรา กำลังเริ่มทำงานและมีเป้าหมายที่ตั้ง เปรียบเหมือนกับว่า เรามีความต้องการจะเดินทางจากกรุงเทพฯ ไป เชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้เราอยู่กรุงเทพฯก็เหมือนกับปัจจุบันของเรา และเป้าหมายของเราก็คือ เชียงใหม่ โดยที่เรามี

รถสำหรับเดินทาง คือ บริษัท

เรา เป็น คนขับ

การนำเสนอผลิตภัณฑ์และธุรกิจ เป็นเสมือน น้ำมัน

การใช้ผลิตภัณฑ์ เป็นเสมือน น้ำมันเครื่อง

การเรียนรู้ เป็นเสมือน แผนที่นำทาง

การลงมือทำ คือ การขับรถ

การเติบโต คือ ระยะทางสู่เป้าหมาย

บางทีเรามีความต้องการอย่างแรงกล้า แต่ไม่มีเข็มทิศการทำงาน เริ่มผิดทิศทางเหมือนกับที่ตั้งใจว่าจะไปเชียงใหม่ แต่ดันขับรถลงไปทิศใต้ แน่นอนท่านไปถึงเชียงใหม่ได้เหมือนกัน แต่คงต้องอ้อมโลกไป หรือไปสักพักก็ต้องวกกลับอยู่ดี แต่ถ้าตั้งเข็มทิศถูกทาง เราจะไปถึงเป้าหมายได้อย่างง่ายกว่า และใช้เวลาน้อยกว่า

ทิศทางการเริ่มต้นธุรกิจเริ่มที่

Learn คือเรียนรู้

สิ่งแรกเมื่อเราเข้าสู่ธุรกิจคือต้องเรียนรู้ แล้วเรียนรู้อะไร

   1 เรียนรู้ บริษัท มีความมั่นคงอย่างไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีแนวคิดเป็นอย่างไร

   2 เรียนรู้ ผลิตภัณฑ์ ว่ามีประสิทธิภาพอย่างไร ใช้แล้วดีอย่างไร คุ้มค่าอย่างไร แตกต่างอย่างไรกับสินค้าตามท้องตลาด หรือคุ้มค้ากว่าเคาเตอร์แบรนด์อย่างไร

   3 เรียนรู้ แผนการตลาด ว่าเป็นจริงได้ เป็นธรรมชาติ และยุติธรรมอย่างไร คุ้มค่าอย่างไรที่จะตัดสินใจลงมือทำ

   4 เรียนรู้ วิธีการทำงาน เรียนรู้ระบบ ว่าขั้นตอนการเติบโตต้องทำอะไรบ้าง เช่นการเข้าห้องอบรม หรือร่วมกิจกรรมกับบริษัทฯ

หลังจากเรามีความรู้และเริ่มลงมือทำสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้ตามมาคือเรื่องของ

A - Attitude คือ ทัศนคติ

เขาบอกกันว่า คนเราจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะงานใดๆ ก็ตาม หรือ งานเครือข่ายด้วยเช่นกัน ว่า ทัศนคติเท่าใดความสำเร็จเท่านั้น เราต้องเรียนรู้เรื่องทัศนคติ ว่า

    1. ทัศนคติ ความเป็นผู้ให้  เนื่องจากธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เรากำลัง มอบโอกาสที่ ให้กับคนอื่นให้กับคนรอบข้างโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาให้ดีขึ้นได้รายได้มากขึ้นหรือมีเวลามากขึ้น

    2. ทัศนคติ ความเป็นเจ้าของธุรกิจ ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ใหญ่มาก ๆ เป็นธุรกิจที่มีโอกาสใหญ่มากๆ แต่เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ หลายๆ คนอาจคิดว่าแค่ลงทุน 6000 บาทเอง ว่างก็ทำ ไม่ว่างก็ไม่ทำ เหมือนกันครับธุรกิจนี้เป็นของเรา เราเห็นว่ามันใหญ่แค่ไหน มันก็จะใหญ่แค่นั้น เราเห็นว่ามันจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขยายไปทั่วประเทศ (หรืออาจจะทั่วโลก) เราจะมุ่งมั่นกับมัน เราจะทำเต็มที่ ถึงแม้ทำคู่กับงานประจำ และใช้เวลาหลังเลิกงานและเสาร์อาทิตย์ แต่เราก็คิดว่าเรากำลังสร้างธุรกิจ เป็นเจ้าของธุรกิจของเราเอง แต่ถ้าเราคิดว่าเป็นงานเวลาว่างทำในเวลาว่าง คือว่างก็ทำ ไม่ว่างก็ไม่ทำ อันนี้เราไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจครับ

    3. ทัศนคติ บวก นี้เป็นกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจ ทั้งยังสำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงาน คือการที่เป็นคนมีทัศนคติบวก และจะทำให้เราทำอย่างมีความสุข เหมือนกัน ลองคิดดูว่า มีแก้วอยู่แก้วหนึ่งมีน้ำครึ่งแก้ว มีคนสองคนหิวน้ำผ่านมา คนหนึ่งคิดลบบอกว่า โห มีน้ำเหลือแค่ครึ่งแก้วเอง หิวจะตายอยู่แล้ว  แต่อีกคนหนึ่งคิดบวก กลับบอกว่า โห มีน้ำอยู่ตั้งครึ่งแก้วแน่ ดีจังได้กินน้ำแล้ว  ลองคิดดู เป็นคุณ คุณคิดว่าใครจะมีความสุขมากกว่ากัน... ทั้งๆที่เหตุการณ์เดียวกัน แต่คิดต่างกัน ความรู้สึกต่างกัน ทัศนคติต่างกัน การกระทำก็ออกมาต่างกันด้วย  เหมือนกับการทำงานในธุรกิจเราครับ บางทำเรานัดคนมา มาบ้างไม่บ้าง ถ้าเราคิดบวก นัดแล้วไม่มาเราจะคิดว่าดีจังแสดงว่าเราต้องเพิ่มอะไรหรือปรับปรุงอะไรให้ดีขึ้น เราจะได้ปรับปรุงและพัฒนา แต่ถ้าเราคิดลบ นัดแล้วไม่มา เราจะรู้สึกท้อ หงุดหงิด ว่าทำไมนัดแล้วไม่มา  หรือ อย่างบางทีเราพาเพื่อนมาศูนย์ฯ แล้วคนแน่นศูนย์ฯ คนคิดลบจะบอกว่า อะไรนี้วันหลังไม่พามาแล้วคนเต็มเลย แต่ถ้าเราคิดบวกจะบอกว่า นี้เป็นไงแสดงว่าสินค้าดีหรือธุรกิจดี คนเลยเข้ามากันเยอะ แล้วคิดดูสิถ้าไม่ทำนะวันหน้าคนจะยิ่งเยอะขึ้น งั้นเราเข้ามาทำก่อนก็มีโอกาสมากกว่า

A - Action คือ การลงมือทำ

     ลงมือทำ ไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่ลงมือทำเรียนรู้อย่างเดียวก็ไม่เกิดผล มันต้องทำ

L - Leader คือ ผู้นำ

ถ้าเราต้องการให้ทีมงานเติบโต เราต้องเป็นผู้นำก่อน และก็หา หรือสร้างผู้นำต่อไปและผู้นำเหล่านี้แหละจะสร้างธุรกิจให้เติบใหญ่  แต่หากเราไม่มีการสร้างและพัฒนาผู้นำแล้วปล่อยตามมีตามเกิดการเจียรไนที่ออกมาอาจได้สิ่งที่ด้อยค่าลง เมื่อในทีมงานเรามีผู้นำเริ่มเกิดขึ้นแล้วแต่ละผู้นำก็จะไปสร้างธุรกิจของเขาเอง เมื่อเราสอนหรือช่วยให้เขาเป็นแล้ว เหมือนสอนให้เขาตกปลากินได้เองด้วยตัวเขาแล้ว เขาจะออกไปขยายทีมงานมากขึ้น ทำให้ได้สิ่งที่ตามมาคือ

O - Organize คือ องค์กร

     ผู้นำจะสร้างทีมงานขนาดใหญ่ เรายิ่งสร้างผู้นำ จำนวนคนจะยิ่งมาก สิ่งที่ตามมาคือองค์กร เราจะมีองค์กรที่มีขนาดใหญ่ และมีความมั่นคงตามมา 

สุดท้ายที่ตามมาจากการที่มีองค์กรขนาดใหญ่คือ

V - Volume คือ โวลู่ม หรือ ยอดนั้นเอง

    เพราะธุรกิจนี้เน้นการทวีค่า ทำงานคนละเล็กละน้อย แต่ใช้จำนวนคนมากๆ เมื่อแต่ละคนเข้าใจและทำงานหรือซื้อใช้กันคนละเล็กละน้อยแต่ทวีค่ากลายเป็นคนมากๆ องค์กรขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดยอดขนาดใหญ่ ยอดขนาดใหญ่จะทำให้เกิด รายได้ขนาดใหญ่ตามมา ...

สนใจพัฒนาตัวเองกดเลย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้